translate

Thursday, March 26, 2015

Zir Lanzlotte


As you are a murderer, "If I was a murderer. I ask you, Lord, and do not spare me, but I did not kill them by treachery, "but he wanted to testify wholeheartedly. But the audience to interpret deeper than that.   Sir Lanzlotte is clutching a dagger in his hand, and say - I know that you mean? - And that means  Sir Molak

Wednesday, March 25, 2015

.......อัศวินการเวก

ฆาตกรอย่างที่เจ้าเป็นหากข้าเป็นฆาตกร ก็ขอให้พระเจ้าอย่าปรานี ข้าเถิดท่าน  แต่ข้าไม่ได้ฆ่าพวกนั้นด้วยการทรยศหักหลังแต่เขาต้องการจะยืนยันความบริสุทธิ์ใจ  แต่ผู้ฟังกลับตีความลึกลงไปกว่านั้น การเวกซึ่งกำกริชอยู่ในมือแล้วร้องว่า – ข้ารู้ดีอยู่ว่าเจ้าหมายความว่ากระไร – และนั่นหมายถึงท่านเซอร์ลาโมรัค.......
            อาร์คบิชอบ แห่งโรเชสเตอร์ชูถุงมือขึ้          การเวก ข เราทะเลาะกันเรื่องนี้ในเวลาอื่นไม่ได้หรือ กจเฉพาะหน้าของเราคือแก้กรรมต่างวาระในข้อกล่าวหาให้แก่พระราชินี ไม่ต้องสงสัยว่า เวอร์ลานซ์สลอต คงอยากจะให้อรรถาธิบายเรื่องที่เดือดร้อนอยู่นี้  เพื่ให้ศาสนาจักรมีเหตุผลรองรับในการไกล่เกลี่ยประนีประนอม ข ขอขอบใจท่าน
        ส่วนการเวกแอบสังเกตูมองดูเขา จนกระทั่งสุรเสียงเหนื่อยอ่อนของพระราชาทรงพระกระแสรรับสั่งให้พวกเขาดำเนินการต่อ และโต้ตอบกันด้วยวาจาสามหาวไร้ความสละสลวยเยี่ยงชนชั้นสูง ส่วนสำเนียงก็กระตุกติดขัดแบบอ๊อกร์นี่จนนับได้หลายๆครั้ง
            เจ้าถูกจับตัวได้ขณะอยู่กับเจ้าหญิง
            * ข้าแต่ท่าน...มีคนได้มาตามตัวข้าไปเข้าเฝ้าองค์หญิง ส่วนข้านั้นไม่ทันรู้สาเหตุ ก็ได้นำตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องนั้น ไม่ทันไรก็ได้ยินท่านเซอรืกราเวน และเซอร์มอร์เดรดมาเขย่าทุบประตูห้ององค์หญิง ร้องเรียกข้าว่าศตรูทรยศและคนกบฏ*
            *พวกเขาเรียกถูกต้องแล้วนี่*
            ลานซ์สลอ์ตหันหน้ามาตามเสียง *ช้าแต่เซอร์การเวก ในคำร้องตามข้อพิพาทเหล่านี้ พวกเขาได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่าไม่ถูกต้อง ณ.ทีนี้ข้าขอน้อมรับว่ากล่าวแทนพระราชินี หาใช่แทนตัวข้าพเจ้าเองไม่*
*เอาละ เอาละ ท่านเซอร์ ลานซ์สลอ์ต   อัศวินผู้อับจนหันไปหา บุคคลคนแรกที่เขารักด้วยความมั่นคง เพื่อนผู้เก่าแก่ของเขา เขาพูดด้วยคำสามัญ
            *ทรงให้อภัยเราไม่ได้หรือ เราเป็นเพื่อนกันอีกไม่ได้หรือ เรากลับมาด้วยความสำนึกำผิดนะ  อาณ์เธอร์ ทั้งที่เราไม่จำเป็นต้องกลับมาเลยก็ได้ ขอท่านโปรดนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่เราต่อสู้อยู่ด้วยกันและเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรือ เรื่องเลวร้ายทั้งปวงนี้จะถูกชจัดปัดเป่าไปได้ด้วยไมตรีจิตของเซอร์การเวก  ถ้าท่านมีเมตตาต่อเรา*
            *ได้โปรดพระราชทานความยุติธรรม*  อัศวินผมแดงกล่าว *เจ้าได้ให้ความเมตตาแก่น้องชายของข้าหรือเปล่าละ*
            *ข้าให้ความเมตตาแก่พวกท่านทุกคนนะ  เซอร์การเวก  ข้ากล้าพูดโดยไม่โอ้อวดว่า หลายๆคนในห้องนี้เป็นหนี้บุยคุณช้าที่ช่วยปลดปล่อยให้มีอิสรภาพ หากมิใช่ให้รอดชีวิต ข้าต่อสู้แทนพระราชินีในการอื่นมาแล้ว ดังนั้นทำไมข้าจะไม่ต่อสู้ในกรณีของตนเองเล่า และอีกอย่าง ข้าเคยต่อสู้เพื่อท่านมาแล้วเหมือนกันนะ เวอร์การเวก และช่วยให้ท่านพ้นความตายอันไร้เกียรติด้วย*
            *ณ บัดนี้มีอ๊อร์กนีย์ เหลืออยู่สองคน*
            การเวกสลัดศรีษะไปข้างหลัง
            *พระราชาอาจจะทรงกระทำการตามแต่พระทัย  ข้าเองตัดสินใจไว้แล้ว หกเดือนก่อนหน้านี้เมื่อข้าพบเซอร์กาเรธ นอนตายจมกองเลือด  ไม่ได้ถืออาวุธ*
*ต่อหน้าพระเจ้า ข้าปรารถนาให้เขามีอาวุธ เขาจะได้ต้านทานการต่อสู้กับข้าได้และเขาอาจจะฆ่าข้าตาย จะได้ช่วยให้ข้าพ้นทุกข์จากความทรมานนี้*
            *ช่างพูดได้เพราะสูงส่งเหลือเกิน*
            ชายสูงอายุรีบพูดออกมาเป็นพรุสวาทแก่ใครก็ตามที่ยอมฟัง
            *ทำไมท่านอยากเชื่อว่า ข้าอยากฆ่าพวกเขาเล่า ข้าเป็นคนแต่งตั้งกาเรธเป็นอัศวินนะ ข้ารักเขา วินาทีที่ช้าได้ยินว่าเขาตายแล้ว ข้ารู้ว่าท่านไม่มีวันยอมให้อภัย ข้ารู้ว่าความหวังสิ้นสุดลงแล้ว การฆ่าเซอรืกาเณธนะ มันขัดกับจรรยาบรรณของข้านะ*
            มอร์เดร็ดกระซิบ *มันขัดต่อใจของเรา*
        ลานซ์สลอ์ต  พยายามหว่านล้อมเป้นครั้งสุดท้าย
*การเวก อภัยให้ช้าเถิด หัวใจช้าเจ็บปวดเหลือแสนสำหรับสิ่งที่ข้าทำไป ข้ารู้ว่ามันทำร้ายหัวใจท่านมากเพียงไร เพราะมันทำร้ายหัวใจของข้าเช่นกัน ท่านจะไม่ยอมให้ประเทศเรามีสันติสุขหรือ หากข้าสำนึกผิดก็อย่าบีบให้ข้าต้องต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตเลย แต่ปล่อยให้ช้าจาริกแสวงบุญไป เพื่อเห็นแก่กาเรธเถิด  ข้าจะออกเดินทางจากแซนด์วิช โดยสรวมเสื้อตัวเดียว และเดินเท้าเปล่าไปยังคาร์ไลส์ล  และข้าจะสร้างวัดอุทิศให้เขาทุกๆสิบไมลืระหว่างทาง*
            *เลือดของกาเรธ  มอร์เดร็ดกล่าว*  *จะต้องไม่ได้รับการชดใช้ด้วยการสร้างวัด ไม่ว่าท่ายบิชอบจากโรเชสเตอร์จะพอใจหรือไม่เพียงใด*
            ความอดทนของอัศวินสูงอายุสิ้นสุดลง
            *หุบปากเสีย*
            การเวกเป็นฟฟืนเป็นไฟขึ้นโดยฉับพลัน
            *ทำตัวให้ดีนะเจ้าฆาตกร หากไม่เราจะแทงเจ้าให้ตาย แทบพระบาทของพระราชา นี่แหละ*
            *จะต้องใช้ใ*
            ท่านบิช๊อบเขาขวางไว้อีกครั้ง
            *เซอร์ลานซลอตได้โปรดเถิด ขอให้เราบางคนได้ควบคุมอารมณ์ และสมบัติผู้ดีไว้ตรมควรเถิด การเวก นั่งลง เราได้ข้อเสนอจะปฏิบัติการสำนึกบาปจะชดใช้แก่เลือดของกาเรธ ซึ่งจะทำให้สงครามยุติลงได้ ขอคำตอบจากท่านด้วยเถิด*
            หลังจากเกิดความเงียบที่ทุกคนคาดหวังคำตอบอยู่ครู่หนึ่ง  ชายร่างยักษ์ผมสีทรายก็กล่าวด้วยเสียงสูงขึ้นว่า
            *ข้าได้ฟังคำเสนอของเซอร์ลานซลอตและข้อเสนอที่ยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว  แต่ทว่าเขาได้สังหารน้องชายของข้าไป ข้าไม่มีวันให้อภัยได้ ด้วยเขาทรยศต่อเซอรืกาเรธ หากท่านน้าของข้าพระเจ้าอาร์เธอร์ มีพระประสงค์จะยอมคล้อยตามเขา พระราชาก็จะสูญเสียความภักดีของข้าและชาวเกลทุกคน ไม่ว่าเราจะพุดถึงเรื่องนี้อย่างไร เราต่างก็รู้ความจริง ชายคนนี้เป็นคนทรยศที่ถูกเปิดโปงต่อพระราชาและตัวข้า*
            *ไม่มีใครสักคนยังมีชีวิตอยู่เรียกข้าว่าคนทรยศนะ การเวกข้าอธิบายเรื่องพระราชินีไปแล้ว*
            *พอกันทีเรื่องนั้น ข้าไม่ขอพูดอะไรเกี่ยวกับสตรีคนนั้น หากไม่บังควรจะพูด  ข้าพูดถึงการตัดสินวินิจฉัยเจ้าต่างหาก*
            *หากเป็นพระราชวินิจฉัยข้าจะขอน้อมรับ*
            *พระราชาทรงตกลงกับข้าแล้วก่อนเจ้าจะมา*
            *อาร์เธอร์*
            *กราบบังคมทูลพระราชาตามพระอิสริยยศด้วย*
            *ขอเดชะเป็นความจริงหรือนี่*

            พระองค์ทรงค้อมพระเศียร
            อย่างน้อย ขอข้าได้ยินจากพระโอษฐ์ด้วยเถิด*         
            มอร์เดร็ด ทูลว่า *ตรัสซี่ท่านพ่อ*
            พระองค์ได้แต่ส่ายพระเศียร แต่พระเนตรจรดอยู่แทบพระบาท
            *ตรัสซิ*
        *ลานซลอต* พระสุรเสียงรับสั่ง *เจ้ารู้ว่าความจริงขวางกั้นเราไว้อย่างไร โต๊ะกลมของข้าทลายไปแล้ว อัศวินของข้า ถ้าไม่ตายก็จากไป ข้าไม่เคยหาเรื่องวิวาทกับเจ้า*..... *Or me or you *


            *แต่เราจะยุติมันมิได้หรือ*
           "การเวกบอกว่าใดั*
            "พระองค์เริ่มรับสั่งเบาแสนเบา *การเวก*
            *ความยุติธรรม*
            การเวกลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเจ้าเลห์ คุกคาม ยืนตระหง่าน หน้าง้ำ
            *พระราชาผู้เป็นเจ้าเหนือหัวของข้า และท่านน้าของข้า ศาลมีประสงค์จะให้ข้าอ่าน คำพิพากษาต่อหน้าคนทรยศเนรคุณ ผู้นี้* เกิดความเงียบกริบกันไปทั่ว *ใช่ไหม-ถ้าเช่นนั้นขอให้ทุกคนรู้ว่านี่เป็นพระราชโองการ*
            *พระราชินีจะทรงกลับคืนสู่พระราชาด้วยเสรีภาพเช่นเดิม และนางจะไม่มีภยันตรายใดๆตามที่คาดไว้ก่อนหน้านี้และนี่เป็นเจตนารมณ์ของพระสันตะปาปา*
            *ส่วน เจ้า เซอร์ ลานซล็อต เจ้าจะต้องถูกเนรเทศจากราชอาณาจักรนี้ภายในสิบห้าวัน ในฐานะคนเนรคุณที่ถูกเปิดโปง และพระเจ้าโปรดเป็นสักขีพระยาน เราจะตามเจ้าไปหลังจากเวลานั้น เพื่อทำลายประสาทที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศฝรั่งเศสให้ลงมากองบนธรณีท่วมหูเจ้า*
        *การเวก* เขาขอร้องอย่างเจ็บปวด *อย่าตามข้าไปเลยข้าจะน้อมรับการถุกเนรเทศ ข้าจะใช้ชีวิตอยู่ในประสาทฝรั่งเศสของข้า แต่อย่าตามข้าไปเลย การเวก อย่าให้สงครามยืดเยื้อตลอดกาล*
            *ปล่อยให้เรื่องนั้นเป็นวิจารณญาณของคนที่ดีกว่าเจ้าเถิด* ปราสาทนั้นเป็นพระราชสมบัติ*
            *ถ้าท่านตามข้าไปนะ การเวก ก็ขออย่าท้าข้าสู้เลย อย่าให้อาร์เธอรืมาสู้กับข้า ข้าไม่สามารถสู้กับเพื่อนของข้าได้ การเวกโปรดเห็นแก่พระเจ้าเถิด อย่าทำให้เราต้องสู้กันเลย*
            *เลิกพูดได้แล้ว มอบตัวพระราชินีมา แล้วออกจากราชสำนักนี้ไปเร็วไว
        ลานซล็อต เขามองดูพระพักตรของกษัตริย์แห่งอังกฤษแล้วเลยไปที่ผู้สร้างความทรมานใจให้แก่เขา เขาหันหน้าอย่างช้าๆสู่พระราชินีผู้วึ่งไม่ได้เอยพระโอษฐ์ตรัสอะไรสักคำ มันเป็นโศกนาฎกรรมที่เขาต้องก้าวข้ามด้วยความสูงส่งด้วยศรีษะที่เชิด
            *ถ้ากระนั้น ข้าแต่พระนาง ดูเหมือนว่าเราต้องจากกันแล้ว*


            นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ เซอร์ลานซล็อต พระเจ้าอาร์เธอร์ และพระนางกวินีเวียร์ อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า           


                นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ เซอร์ลานซล็อต พระเจ้าอาร์เธอร์ และพระนางกวินีเวียร์ อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า           
ห่านป่าที่กระพือปีกกลับรังในยามสนธยาแทบฝ่ากระแสลมไปไม่ไหว ในมหาสมุทรทิศตะวันตก มีลมและไซโครน ทำให้ท้องทะเลปั่นป่วน  หอบน้ำเป็นเกลียวพวยพุ่งจากผิวน้ำ พวยพุ่งเป็นลำและแตกกระเซ็นเป็นฟองฟู ต้นไม้ล้มระเนระนาดบนภาคพื้นแผ่นดิน  Sycamore เป็นต้นไม้จำพวก Ficus sinvsycomorus หรือ occidentalis มีลักษณะทางตะวันตก เป็นต้นไม้เนื้อแข็ง และมีลำต้นแยกเป็นสองต้น  และแต่ละต้นก็ส่งเสียงคำรามเข้าใส่กัน กิ่งไม้ถูกลมฝนกระหน่ำหักพาดลำต้นแน่นิ่งอยู่กับพื้นดินทำให้ฝูงนกบินถลาร่อนขนานพื้นทำให้กรงเล็บของแต่ละตังคลี่ตัวออกมาทำหน้าที่เป็นคล้ายสมอเรือรบเหยี่ยว เพเรกกิน เกาะอยู่บนหน้าผาขนเปียกชุ่มจนลู่แนบลำตัว
                ใต้บานประตูของปราสาท ลมกระแทกใส่เสื่อกกปูพื้น ส่งเสียงวาบวินอยู่ภายใต้บันใดเวียน เขย่าบานเกร็ดสั่นสะเทือนผ่านหน้าต่างกระจกหนา หอคอยสั่นสะเทือนเหมือนเสียงดนตรี ลาคอนชาโต้ขนานกับสายลม กระทบคลื่นเสียงผ่านแนวระนาบสัมผัสพรมปักด้วยดิ้เงินแวววาวดังกระหึ่มเหมือนมีเครื่องสายนำโดยแชลโล่ของ นักแต่งเพลงชื่อดัง *มารี มายรัส* ในเพลง *ระฆังของเทพยดา จีนิวีบ*....
                บอร์ส และ เบลโอเบรีสกำลังหมอบเหนือกองไฟลุกโพลง เหมืนในภาพวาด..
                *แต่ทำไมพวกเขาไปกันเร็วนักเล่า* บอร์สถามอย่างมีข้อกังขา
                *ข้าไม่เคยเห็นกองทัพที่ไหนยกกำลังมาล้อมเมืองไว้แต่ก็ยกทัพกลับอย่างรวดเร็วขนาดนั้น โดยที่พวกเขารื้อถอนค่ายไปเพียงแค่ชั่วข้ามคืนหายไปหมดเหมือนถูกลมหอบไป*
*คงจะได้ข่าวร้าย  คงจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลในอังกฤษเกิดขึ้นก็เป็นได้*
*ถ้าพวกเขาต้องการยกโทษให้ลานสล๊อตก็คงส่งสาสน์มาแล้ว*
                *ดูแปลกอยู่หรอกโดยกลับไปปุบปับโดยไม่บอกกล่าว*
                *เจ้าคิดว่าอาจเกิดกบฏขึ้นใน คอร์นวอลล์ หรือเปล่า หรือในเวลล์หรือบางทีในไอร์แลนด์*
                *มีพวกบรรพชนอยู่นี่นา*  เบลโอเบรีสเห็นพ้องออกอาการมึนงง
                *ข้าไม่คิดว่าเป็นเรื่องกบฏนะ ข้าคิดว่าพระราชาทรงประชวร และต้องอัญเชิญกลับโดยด่วน หรือไม่การเวกต้องป่วยหนัก ที่โดนลานสล๊อตฟาดด้วยโล่ ให้เป็นกำนัลถึงสองครั้ง อาจจะโดนที่ศิรษะของเขาอย่างจัง*
                *ก็เป็นได้*
                บอร์สเคาะไฟแรงๆ *จากไปแบบนั้น แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ*
                *ทำไมลานสล๊อตไม่ทำอะไรบ้างละ*
                *จะให้เขาทำอะไรได้*
                *ไม่รู้สิ*
                *พระเจ้าอยู่หัวขับเขาออกจากประเทศนี่*
                *ใช่*
                *ง้นก็ไม่มีอะไรให้ทำเลย*
                *ถึงอย่างไร* เบลโอเบริส กล่าว *ข้าก็หวังว่าเขาจะทำอะไรบ้าง*
                ประตูที่ตีนบันไดเปิดออกพร้อมด้วยเสียงย่ำบันไดเวียนลงมาจากหอคอยเล็ก พรมทำด้วยต้นกกตั้งตรงขึ้น ควันพวยพุ่งจากกองไฟในเตา และเสียงของลานสล๊อตดังรอดเสียงลมลั่น  *บอร์ส เบลโอริส เดมาริส*
                *อยู่ตรงนี้*
                *ตรงไหน*
                **บนนี้
ได้ยินเสียงประตูปิดดังมาไกลๆ  ความเงียบกลับเข้ามาในห้อง  เสื่อทอต้นกกล้มลงพื้นกลับเข้าที่เดิม และเสียงฝีเท้าของลานสล๊อตดังชัดเจนขึ้นสะท้อนก้องตามขั้นบันใดหิน ทั้งๆที่เมื่อสักครู่เสียงตะโกนของเขาฟังแทบไม่ออก เขาเข้ามาอย่างรีบร้อนมือถือจดหมาย ลั่นเสียงกระแอมไอ  *บอร์ส เบลโอริส เดมาริส*
*ข้าตามหาเจ้าอยู่*
                *มีจดหมายมาจากอังกฤษ* พวกเขายืนขึ้น
*นกส่งสารถูกพัดขึ้นฝั่ง ไกลจากชายฝั่งที่นี่ขึ้นไปห้าไมล์*
                *เราต้องออกเดินทางทันทีเลย*
                *”ปอังกฤษหรือ*
*ใช่*
                *ฬว่ ไปอังกฤษซิ  ข้าได้บอกไลน์โอแนล ให้จัดการเรื่องพาหนะแล้ว และข้าต้องการให้เจ้า บอล์ส จัดการเรื่องเสบียงนะ*
                *เราต้องรอให้กำลังลมอ่อนตัวลงก่อน*
                *เราจะไปทำไมหรือ* บอล์สถาม *ท่านต้องบอกเราว่ามีข่าวอะไร*
*ข่วหรือ*
                *ข่าหรือ* เขาพูดตะกุกตะกักสุ้มเสียงคลุมเครือ
                *ยังไม่มีเวลาสำหรับช่าวหรอก ข้าจะเล่าให้ฟังในเรือ เอ้า อ่านจดหมายนี่ก่อน*
                เขายื่นจดหมายให้บอล์ส แล้วออกไปก่อนที่พวกเขาจะทันตอบ *ว่าไง*
                *อ่านสิ*
                *ข้าไม่รู้ว่าใครเขียนมาด้วยซ้ำ*
*อ่านไปก็คงรู้เองน่า*           
                ลานสล๊อตกลับเข้ามาก่อนที่พวกเขาจะอ่านได้ไปไกลกว่าวันที่
                *เบลโอโบริส*เขาบอก *ข้าลืมไป ข้าต้องการให้เจ้าดูแลเรื่องม้า เอาจดหมายมาก่อน ถ้าเจ้าสองคนค่อยๆสะกดละก็ เจ้าต้องอ่านอยู่ทั้งคืนแน่*
                *เขียนมาว่าอย่างไรละ*
*ข่าวนี้มาจากนกสื่สาร ดูเหมือนว่า มอร์เดร๊ดเป็นกบฏต่อพระเจ้าอาณ์เธอร์ ประกาศตนเป็นประมุขแห่งอังกฤษ และเขาได้ขอให้ วอนีเวียร์ แต่งงานกับเขา*
                *แต่นางแต่งงานแล้วนี่* เบลโอเบรีสท้วง
                *นั่นเป็นสาเหตูที่พวกนั้นเลิกปิดล้อมพวกเราไง*
                *แล้วดูเหมือนว่ามอร์เดร้ดยกทัพไปรวมที่เค็นต์ เพื่อขัดขวางไม่ให้พระเจ้าอยู่หัวขึ้นฝั่ง*
*เขาประกาศไปว่าพระเจ้าอาร์เธอร์ทรงสวรรคตแล้ว*
*เขากำลังล้อมจับพระราชินีโดยระดมยิงปืนใหญ่ไปที่หอคอยแห่งลอนดอน*
*ปืนใหญ่*
*ใช่ เขามารอพบอาร์เธอร์ที่โดเวอร์ และทำการสู้รบเพื่อมิให้พระองค์ขึ้นฝั่ง สู้กันทั้งบนบกและในน้ำ แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นฝั่งได้ รอวันประกาศชัยชนะ*
*ใครส่งจดหมายมา*
ลานสลอ๊ตทรุดตัวลงนั่งทันที *มาจาก ขุนพลการเวก*
*การเวกที่น่าสงสาร เขาตายแล้ว*
เบลโอเบริสตั้งกระทู้ *ตายแล้วเขียนได้อย่างไร*
*สารนั้นอ่านแล้วน่าสลดใจเหลือเกิน*
*การเวกเป็นคนดี พวกเจ้าทุกคนที่บังคับให้ข้าสู้กับเขา โดยไม่ได้เห็นแก่จิตใจที่งดงามของเขา*
                *อ่าซิ* ฮอร์สบอกกล่าวอย่างร้อนใจ
*ดูเหมือนว่าแผลที่ข้าฟาดหัวเขามันฉกรรจ์มาก เขาไม่ควรจะรีบเดินทางไปหรอก แต่เขาว้าเหว่ทุกข์ทรมานและถูกหักหลัง* น้องชายคนเล้กกลายเป็นคนทรยศ เขายากรานจะกลับไปช่วยพระเจ้าอยู่หัว ในศึกตอนขึ้นฝั่ง เขาพยายามจะสู้ เคราะห์ร้ายเขาถูกตีซ้ำตรงลอยแผลเก่า และเสียชีวิตในอีกสองสามชั่วโมง ต่อมา
*ข้าไม่เห็นว่าทำไมเจ้าถึงต้องเดือดร้อนขนาดนี้*
*ฟังจดหมายนี่สิ*
*ลานสลอ๊ต ถือจดหมายไปที่หน้าต่างและเงียบลง ขณะที่พินิจดูจดหมาย มีอะไรที่หน้าตื้นตันอยู่ในนั้น*
*แต่เซอร์ลานสล๊อต ยอดอัศวินผู้สูงส่งโดยที่ข้าได้ประจักษในชีวิตของข้า ข้า-เซอร์การเวก อัศวินโต๊ะกลมโอรสของพระเจ้า ล๊อต แห่งอ๊อกนีย์ บุตรแห่งพระเชษฐ์ภคินีแห่งพระเจ้าอยู่หัวอาณ์เธอร์ผู้ประเสริฐ ขอแสดงความเคารพมายังท่าน*
*และข้าขอให้โลกทั้งโลกตระหนักว่า ข้าเซอร์การเวก ขอตายด้วยน้ำมือของท่าน และมิใช่ด้วยเจตนาของท่าน  แต่เป็นเจตจำนงของข้าเอง  ข้าขอวิงวอนให้ท่าน เซอร์ลานสล๊อต กลับสู่ราชอาณาจักรแห่งนี้อีกครั้ง เพื่อมาเยี่ยมหลุมศพของข้า และสวดภาวนาให้แก่หลุมศพที่ข้านอนรอคอยท่านอยู่โปรดภาวนาให้แก่ดวงวิญญาณของข้าด้วยข และวันนี้ที่ข้าเขียนสาสน์ฉบับนี้  ข้าบาดเจ็บถึงฆาตด้วยบาดแผลที่มาจากน้ำมือท่าน เซอร์ลานสล๊อต ด้วยข้าพอใจที่จะไม่ถูกสังหารด้วยบุคคลผู้ประเสริฐไปกว่านี้อีกแล้ว.
                *นอกจากนั้น เซอร์ลานสล๊อต เพื่อความรักที่มีอยู่ระหว่างเรา....*
                ลานสล๊อต หยุดอ่านและโยนสาสน์ลงบนโต๊ะ   *เอา*  เขาบอก *ข้าอ่านต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาขอให้ข้ารีบเดินทางไปเพื่อช่วยพระเจ้าอยู่หัวต่อสู้กับน้องชายของเขาและญาติคนสุดท้ายของเขา การเวกรักญาติของเขามากนะ บอร์ และท้ายที่สุดเขาก็ไม่เหลือใครเลย  แต่เขายังเขียนมายกโทษให้ข้า เขาบอกด้วยซ้ำว่าเป็นความผิดของเขาเอง พระเจ้าทรงทราบว่าเขาเป็นพี่ชายที่ดีเหลือเกิน*
*แล้วเราจะทำอย่างไรเรื่องพระเจ้าอยู่หัว*ฃ*เราต้องไปอังกฤษให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มอร์เด็รดถอยทัพไปที่แกรนเบอรี่แล้ว  เขากำลังจะออกศึกครั้งใหม่ที่นั่น  ตอนนี้มันอาจจะจบลงแล้วก็ได้  ข่าวนี้มาถึงล่าช้าเพราะติดพายุ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเร็วแล้ว*
/เบลโอเบริสบอกว่า *ข้าจะไปดูเรื่องม้า  เราจะออกเรือกันเมื่อไหร่*
                *พรุ่งนี้ คืนนี้ เดี๋ยวนี้เลย เมื่อลมซาลง เร็วเข้าเถิด*
                *แล้วเจ้านะบอร์ส เรื่องเสบียง*
                *ตกลง*
                บอร์สซึ่งเหลืออยู่คนเดียวกับลมพายุ หยิบจดหมายขึ้นมาอย่างกระหายไคร่รู้ เขาตะแคงจดหมายลงรับแสงไฟทีเริ่มจะอ่อน เขาสะกดตอนท้ายจดหมาย ปากขยับอ่านคำ
                *และวันที่ข้าเขียนจดหมายฉบับนี้ เพียงสองชั่วโมงครึ่งก่อนความตายมาถึง เขียนด้วยลายมือของข้าเอง และจารึกนามไว้ด้วยเลือดจากหัวใจข้า ต้องมีสักวันหนึ่งที่พระราชาผู้ชราจะทรงพระปรีชาและพระหฤทัยรู้สึกสดชื่นขึ้น แบละพร้อมจะเริ่มต้นใหม่ จะมีสักวันหนึ่ง ที่พระองค์จะเสด็จกลับมาสู่ดินแดนนกการเวก พร้อมด้วยโต๊ะกลมตัวใหม่ที่ไม่มีเหลี่ยม ดังเช่นในโลกใบนี้ก็ม่มีเหลี่ยม.. ต้องมีวันหนึ่งสัญชาตญาณระมัดระวังกษัตริย์องค์เก่าพร้อมด้วยอัศวินในหัวใจที่รู้สึกสดชื่น พร้อมที่จะกลับมาสู่แผ่นดินดินอีกา และก็พร้อมที่จะเริ่มต้นสร้างนกวายุพักตร์โดย เหยีบย่ำแผ่นดินวายุภักษ์ พร้อมกับ ลบเหลี่ยมใหม่โดยไม่ต้องสร้างโต๊ะให้เป๊นวงกลม ในขณะที่โลกต้องการมากกว่า อัศวินโตะกลม.. ที่จะปฏิรูปวัฒนธรรมหวังว่าการเป็นเยาวชนในการเขียนและอ่าน ด้วยสติและเหตุผล

อัศวินการเวก-แห่งอ๊อกนีย์*

Friday, November 30, 2012